ในเดือนหลังสุด วงการพัฒนาเกมกำลังเต็มไปด้วยข่าวสารเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงใหญ่ในกลยุทธ์การตั้งราคาโดยทั้งสองบริษัทใหญ่ในวงการ: Unity และ Unreal Engine ตัวการตั้งราคาที่ทั้งสองบริษัทตัดสินใจมีการสนทางและความขัดแย้งแบบรุนแรง ซึ่งในที่สุดก็ทำให้ปรากฎการลาออกของประธารกรของ Unity อย่างไม่คาดคิด ในขณะเดียวกันความขัดแย้งนี้เปิดโอกสาให้เครื่องมือพัฒนาเกมที่กำลังเติบเต็มขึ้นอย่าง Cocos และ Godot ที่ได้รับความสนใจเป็นทางเลือกที่เป็นไปได้ในการเคลื่อนตัวหลังการปรับราคาเหล่านี้ บทความนี้จะสำรวจรายละเอียดเกี่ยวกับกลยุทธ์การตั้งราคาของ Unity และ Unreal Engine ที่มีชื่อเสียงและการต้านที่เกิดขึ้น และผลกระทบที่กระตุ้นวงการ
การเปลี่ยนแปลงราคาของ Unity
Unity ที่โด่งดังด้วยแพลตฟอร์มพัฒนาเกมที่แข็งแกรง ทำรายในวงการเมื่อประกาศเปลี่ยนแปลงสำคัญในกลยุทธ์การตั้งราคา ในอดีต Unity เคยมีรุ่นฟรีของเครื่องมือที่ทำให้เป็นทางเลือกยอดนิยมสำหรับนักพัฒนาแบบอินดี้และสตูดิโอขนาดเล็ก อย่างไรก็ดี Unity ตัดสินใจย้ายออกจากรูปแบบนี้เพื่อเป็นระบบสมาชิกแบบชั้น โดยภายใต้โครงสร้างการตั้งราคาใหม่ ผู้ใช้จะต้องสมัครสมาชิกในหนึ่งในแผนของ Unity ที่รวมถึงแผนส่วนตัวฟรีแต่จำกัด แผน Plus และแผน Pro
การเปลี่ยนแปลงนี้มีการตอบรับทันทีจากชุมชน โดยนักพัฒนาแบบอินดี้และสตูดิโอขนาดเล็กหลายคนรู้สึกถูกกกลัวว่า ความเข้าถึงที่ Unity เคยให้แก่ผู้เริ่มต้นในวงการนี้อาจถูกขัดจัดและเพิ่มคำถามเกี่ยวกับว่าการเปลี่ยนแปลงนี้เป็นที่มาส่วนใหญ่โดยการผลกำไรหรือความยั่งยืน
การปรับราคาของ Unreal Engine
ในเวลาเดียวกัน Epic Games บริษัทที่อยู่หลัง Unreal Engine ก็ทำการปรับเปลี่ยนในโครงสร้างการตั้งราคา ถึงแม้ Unreal Engine จะไม่เคยฟรีแบบสมบูรณ์ แต่มันมีชื่อเสียงสำหรับระบบมรไฟโยตี่ที่มีการจ่ายค่าตอบแทนอย่างมีส่วนแบบคิดร้อยและตัวเปอร์เซ็นต์ของรายได้ที่ผู้พัฒนาจะต้องจ่ายหลังเกินระดับที่กำหนด Unreal Engine ตัดสินใจลดระดับของการตัดแบ่งรายได้นี้ ทำให้นักพัฒนาต้องจ่ายค่าตอบแทนอย่างรวดเร็วกว่าเดิม
การตัดสินใจในการปรับเปลี่ยนเงื่อนไขการแบ่งรายได้นี้ได้รับการตอบรับอย่างผสมผสาน บางคนเชื่อว่ามันจะทำให้ Unreal Engine เข้าถึงง่ายขึ้นสำหรับนักพัฒนาขนาดเล็กเนื่องจากพวกเขาอาจจ่ายค่าตอบแทนน้อยกว่าเดิม อย่างไรก็ดีสตูดิโอขนาดใหญ่และนักพัฒนาที่มีประสบการณ์กลัวว่ามันอาจเป็นภาระทางการเงินโดยเฉพาะถ้าโปรเจ็คของพวกเขามีต้นทุนขั้นเริ่มต้นสูงและรายได้ต่ำกว่าเส้นสามรถ โดยรวมการเปลี่ยนแปลงนี้สร้างคำถามเกี่ยวกับความยุติธรรมและว่าการเปลี่ยนแปลงของ Unreal Engine นั้นเกี่ยวกับมลราคาหรือไม่
ความขัดแย้ง
การตอบรับที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงการตั้งราคาเหล่านี้สานต่อด่วนและแสดงออกอย่างดังเสียดดี Unity และ Unreal Engine เป็นส่วนสำคัญของการเติบเต็มขึ้นของวงการเกม และนักพัฒนาหลายคนได้สร้างอาชีพและบริษัทของตนอย่างใกล้ชิดกับเครื่องมือเหล่านี้ ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ในกลยุทธ์การตั้งราคาของ Unity และ Unreal Engine จะมีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ
I. คำร้องร้องจากชุมชนของ Unity:
การตัดสินใจของ Unity ที่ย้ายออกจากรุ่นที่ฟรีอย่างสมบูรณ์ ซึ่งเคยเป็นรากฐานสำคัญสำหรับนักพัฒนาช่างเล่นและสตูดิโอขนาดเล็ก ถูกตอบรับด้วยการประท้วงแรง นักพัฒนาแสดงความกังวลเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นที่เกี่ยวข้องกับการใช้ Unity ซึ่งอาจขัดขวางนวัศกรรมและทำให้ความคิดสร้างสรรค์ถูกขบขันได้ การเปลี่ยนแปลงนี้ถูกมองว่าเป็นการละทิ้งรากฐานที่เกี่ยวกับการเข้าถึงข้อมูลและการสาธารณรัฐแกนการพัฒนาเกม
II. คำตอบที่ผสมผสานของ Unreal Engine:
การปรับแก้โมเดลมรไฟโยตีของ Unreal Engine ได้รับคำตอบที่ซับซ้อนมากขึ้น นักพัฒนาขนาดเล็กต้อนรับการลดเส้นสามรถ ท่ามาทำให้พวกเขาเชื่อว่ามันอาจเป็นประโยชน์ให้พวกเขา อย่างไรก็ดีสตูดิโอขนาดใหญ่และนักพัฒนาที่มีประสบการณ์กลัวว่ามันอาจมีผลกระทบต่อการเงินของพวกเขา โดยรวมการปรับเปลี่ยนในราคานี้ได้ยกคำถามเกี่ยวกับความยุติธรรมและว่าการเปลี่ยนแปลงของ Unreal Engine นี้เป็นที่มาด้วยราคาหรือไม่
III. ฝุ่นละครบ
ข่าวการเปลี่ยนแปลงราคาเร็วทันในสังคมของโซเชียลมีเดีย นักพัฒนาและคนรักสนุกสนานแสดงความไมพอใจผ่านทาวิตเตอร์ เรดดิท และช่องอื่น ๆ มีแฮชแท็กเช่น #UnityBacklash และ #UnrealPricing กลายเป็นกระทู้ที่มีผู้ที่ไม่พอใจมากในสื่อโซเชียลมีเดีย
การลาออกของประธารกรของ Unity
ในช่วงเวลาที่กำลังเกิดความไมพอใจอย่างน้อยนำของการลาออกของประธารกรของ Unity จอห์น ริซิตีเอลโล ส่งคลื่นสั่นในวงการ ซึ่งประกาศทางการระบุว่าการลาออกของริซิตีเอลโลเป็นเรื่อง “เหตุผลส่วนบุคคล” แต่มันชัดเจนว่าการขัดขวางการตั้งราคาที่กำลังเกิดขึ้นและการประท้วงเป็นส่วนสำคัญในการตัดสินใจ การลาออกของริซิตีเอลโลถูกมองว่าเป็นการพยายามในการสงบสุขทางความไมพอใจและกู้คืนความไว้วางใจของชุมชนนักพัฒนา
ผลกระทบและอิทธิพลต่อวงการ
ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงราคาของ Unity และ Unreal Engine มีความมีนัยสำคัญและมีผลกระทบใหญ่ต่อวงการดังนั้น
I. การตัดสินใจใหม่เรื่องการเลือกเครื่องมือพัฒนาเกม:
นักพัฒนาหลายคนเริ่มพิจารณาการเลือกเครื่องมือพัฒนาเกมของพวกเขาในแง่ของการปรับเปลี่ยนราคา บางคนเริ่มพิจารณาสำรองเครื่องมือที่เป็นทางเลือกหรือกลับไปใช้เวอร์ชันก่อนของ Unity และ Unreal Engine ที่ยังมีเงื่อนไขการตั้งราคาที่เหมาะสม
II. การเจรจาของทางเลือกใหม่: Cocos และ Godot
ในขณะที่ Unity และ Unreal Engine กำลังปรับเปลี่ยนแกต่งเรื่องการตั้งราคา เครื่องมือพัฒนาเกมใหม่ก็ขึ้นรูปและเติบเต็มขึ้น ให้คนพัฒนาทางเลือกที่อยู่ในแนวหลักของการเข้าถึงข้อมูลและการสาธารณรัฐแกนการพัฒนาเกม
Cocos Engine:
Cocos Engine ซึ่งบ่งบอกตนเองอย่างไปอย่างลับแลในเงาของ Unity และ Unreal Engine ได้รับความสนใจอย่างหนาแน่น มันให้แพลตฟอร์มพัฒนาเกมฟรีและโอเพนซอร์สที่เข้มแข็งสำหรับการพัฒนาเกมแบบ 2D และ 3D ความยืดหยุ่นของเครื่องมือ การสนับสนุนของชุมชนที่แข็งแกรง และความเข้าถึงที่ง่ายเหมาะกับนักพัฒนาที่รู้สึกว่าได้รับการถูกกกี้โดยการเปลี่ยนแปลงราคาเร็ว
Godot Engine:
Godot Engine ซึ่งเป็นอินทอซเปาวเวอร์ที่รู้จักได้ดี ก็เห็นการนำไปใช้งานเพิ่มขึ้น รู้จักกันด้วยส่วนหน้าที่ที่เพื่มการเชื่อมต่อกับผู้ใช้และความยืดหยุน Godot กลายเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักพัฒนาแบบอินดี้ สตูดิโอขนาดเล็กและบริษัทขนาดใหญ่ที่มองหาทางเลือกที่เน้นการเข้าถึงและความยุติธรรม
การพิจารณาต่อไปเกี่ยวกับความยุติธรรมและความยั่งยืน:
ความขัดแย้งเนี่ยนข้อสำคัญเกี่ยวกับความยุติธรรม การเข้าถึงและความยั่งยืนในวงการพัฒนาเกมเสนอตัวเอง มันเปิดการสนทนาที่มีขอความยุติธรรมเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างนักพัฒนาและบริษัทที่ให้เครื่องมือที่พวกเขาพึ่งพา
สรุป
การเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์การตั้งราคาล่าสุดของ Unity และ Unreal Engine ปล่อยออกความไมพอใจและการประท้วงที่สั่นในวงการพัฒนาเกม การตัดสินใจของ Unity ที่ย้ายออกจากรุ่นที่ฟรีและการปรับเปลี่ยนของ Unreal Engine ในรายได้ที่มรไฟโยตี่ของมันทำให้การตอบรับที่ค่อนข้างรอบคอบจากส่วนต่าง ๆ ของชุมชนนักพัฒนา
การลาออกของประธารกรของ Unity จอห์น ริซิตีเอลโล ยังระบุถึงความสำคัญของสถานการณ์และผลกระทบที่การปรับเปลี่ยนราคาเหล่านี้มีต่อผู้เล่นหลักในวงการ ในการตอบสนองต่อการปรับเปลี่ยนนี้ Cocos และ Godot ขึ้นขอเป็นทางเลือกที่สามารถให้นักพัฒนาตัวเลือกที่เน้นการเข้าถึง ความยุติธรรม และความ๏ะลาสะใจ
แม้ว่าชุมชนการพัฒนาเกมจะต้องเดินทางผ่านการปรับเปลี่ยนเหล่านี้ แต่มันชัดเจนว่าการสนทนาเกี่ยวกับความยุติธรรม การเข้าถึงและความยั่งยืนจะยังคงอยู่ในส่วนสำคัญของการพัฒนาในอุตสาหกรรม ผลสุดท้ายของความขัดแย้งเหล่านี้จะเป็นกำหนดแนวทางในอนาคตของการพัฒนาเกมและเครื่องมือที่ให้นักพัฒนาสามารถนำวิสัยที่สร้างให้มีชีวิตสู่การทำงานของพวกเขา การเพิ่มขึ้นของ Cocos และ Godot บ่งบอกว่าทิศทางของการพัฒนาเกมกำลังเปลี่ยนแปลง และนักพัฒนาทั้งหลายกำลังมีความตั้งใจที่จะสนับสนุนแพลตฟอร์มที่เน้นความต้องการและค่านิยมของพวกเขา